มัสยิดคอลิดีน
มัสยิดคอลิดีน
ทะเบียนเลขที่ | ธ.7 | วันที่จดทะเบียน | 19 กันยายน 2492 |
บ้านเลขที่ | 3 | หมู่ที่ | - |
หมู่บ้าน/ชุมชน | - | ซอย | ประชาอุทิศ 54 แยก 17 |
ถนน | ประชาอุทิศ | แขวง | ทุ่งครุ |
เขต | ทุ่งครุ | จังหวัด | กรุงเทพมหานคร |
รหัสไปรษณีย์ | 10140 | เขตรับผิดชอบ | มัสยิดเขต 6 |
-
ประกาศผลดูดวงจันทร์ เพื่อกำหนดวัน อีฎิ้ลฟิตริ ฮ.ศ.1440
ประกาศผลดูดวงจันทร์ เพื่อกำหนดวันที่ 1 เดือนเซาวาล (อีฎิ้ลฟิตริ) ฮ.ศ.1440 วันจันทร์ที่ 3 มิถันายน 2562 เวลา 19.40 - 20.00 น. ... อ่านต่อเพิ่มเติม » -
งานรวมน้ำใจสู่มัสยิดคอลิดีน 2561
ประวัติความเป็นมาของ มัสยิดคอลิดีน
ชุมชนคอลิดีนเกิดจากการขยายตัวของกลุ่มชนมุสลิมเชื้อสายมลายูที่อพยพมาอยู่รวมกัน
ณ บ้านปากลัด อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ในอดีตคนในย่านชุมชนคอลิดีน จะต้องเดินเท้าหรือพายเรือเพื่อไปละหมาดญุมุอะห์
หรือละหมาดวันศุกร์ที่มัสยิดดารอสอาดะห์ ปากลัด พระประแดง ต่อมาเมื่อจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น
กอปรกับความไม่สะดวกในการเดินทางเพราะมีระยะทางที่ห่างไกล เหล่าผู้หลักผู้ใหญ่ในชุมชนจึงมีแนวคิดที่จะก่อสร้างมัสยิดขึ้น
เพื่อปฏิบัติละหมาดฟัรฎู 5
เวลา
และละหมาดญุมุอะห์ จึงได้ร่วมมือร่วมใจกันก่อตั้งมัสยิดคอลิดีนขึ้น โดยการนำของตวนฮัจยีชะลอ
(อับดุลเลาะห์) ศรีสุวรรณฑา เราะฮิมะฮุลเลาะห์ โดยรวบรวมทุนทรัพย์ของสมาชิกในชุมชนเพื่อซื้อบ้านเรือนไทยทรงปั้นหยา
2 ชั้น มาสร้างเป็นมัสยิด ในราคาประมาณหลักหมื่น โดยมีตวนฮัจยีวาฮับ บินฮาซัน
เราะฮิมะฮุลเลาะห์ หรือแชร์เลาะห์บ้านแดงเป็นผู้ให้การสนับสนุนหลักพร้อมทั้งวากาฟที่ดินเพื่อการก่อสร้างมัสยิด
จำนวน 5 ไร่ มัสยิดหลังดังกล่าวได้เริ่มละหมาดตั้งแต่สมัยแชร์โต๊ะมะห์
(แชร์อ้วน) เราะฮิมะฮุลเลาะห์ บิดาอิหม่ามอรุณ (ฮารูณ) นุชมี เราะฮิมะฮุลเลาะห์
เป็นคนนำละหมาด เมื่อประมาณ 70 กว่าปีที่ผ่านมา หรือประมาณปีพุทธศักราช 2485
และจัดให้มีการละหมาดญุมุอะห์ขึ้นด้วย ซึ่งขณะนั้นมีผู้ร่วมละหมาดประมาณ 40 คน
วันไหนจำนวนผู้มาละหมาดไม่ครบ 40 คน ก็จะละหมาดดุฮ์รี่หลังละหมาดญุมุอะห์ด้วย เป็นการเผื่อไว้
โดยผู้ขอใบอนุญาตและเป็นอิหม่ามอย่างเป็นทางการคนแรกคือตวนฮัจยีวาฮับ บินฮาซัน หรือแชร์เลาะห์บ้านแดงนั่นเอง
หลังจากนั้นได้จดทะเบียนมัสยิดเป็นนิติบุคคลในปีพุทธศักราช 2492
หลังจากที่ได้ใช้เรือนปั้นหยาเป็นสถานที่ละหมาดอยู่ระยะหนึ่ง
ได้เกิดแนวคิดที่จะสร้างอาคารมัสยิดหลังใหม่ขึ้นเป็นอาคารคอนกรีตชั้นเดียว
ซึ่งขณะนั้นเงินที่จะใช้ในการก่อสร้างก็ยังไม่มี แต่หลังจากที่ตวนฮัจยีวาฮับจัดสรรที่ดินส่วนตัวขายได้เงินจำนวนหนึ่ง
การดำเนินการก่อสร้างจึงเริ่มต้นขึ้น โดยตวนฮัจยีวาฮับ เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญส่วนที่เหลือคนบริเวณรอบ
ๆ ก็ช่วยให้การสนับสนุนบ้างคนละเล็กคนละน้อยตามความสามารถของแต่ละคน ใช้เวลาในการดำเนินการก่อสร้างอยู่ประมาณ
1 ปีเต็ม อาคารมัสยิดจึงแล้วเสร็จ
ส่วนบ้านเรือนไทยทรงปั้นหยาซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่ละหมาด
ได้ถูกนำมาใช้เป็นโรงเรียนสามัญอยู่ระยะหนึ่ง โดยมีบังฟา ซึ่งเป็นบุตรชายของตวนฮัจยีวาฮับ
เป็นครูผู้สอน และในเวลาเดียวกันก็ใช้เป็นโรงเรียนสอนอัลกุรอานในช่วงเย็น
ส่วนโรงเรียนสามัญนั้นเปิดทำการเรียนการสอนอยู่ระยะหนึ่งจากนั้นจึงได้ปิดตัวลงด้วยสาเหตุใดไม่ปรากฏ
แต่บ้านหลังดังกล่าวยังคงใช้เป็นโรงเรียนสอนอัลกุรอานอยู่อย่างต่อเนื่อง
เมื่อตวนฮัจยีวาฮับ ป่วยลง ได้มอบหมายให้ตวนฮัจยีอับดุรรอชีด
โพธิ์ดำ (แชร์ซิบ) เราะฮิมะฮุลเลาะห์ เป็นผู้นำละหมาดแทน
และเมื่อตวนฮัจยีวาฮับเสียชีวิตลง สมาชิกในชุมชนได้หารือกันและมอบหมายให้ตวนฮัจยีอับดุรรอชีดทำหน้าที่เป็นอิหม่ามแทน
แต่ตวนฮัจยีอับดุรรอชีดปฏิเสธ ดังนั้นจึงได้มอบหมายให้อิหม่ามนุช ซึ่งเดิมเป็นคนคลอง 13 ปทุมธานี เป็นอิหม่ามคนที่
2 หลังจากอิหม่ามนุชได้ทำหน้าที่อิหม่ามอยู่ระยะหนึ่ง ได้ลาออกจากตำแหน่งอิหม่าม และจากนั้นอิหม่ามสนั่น ศักกาฟ ได้รับการคัดสรรให้เป็นอิหม่ามคนที่ 3
ซึ่งท่านได้ทำหน้าที่เป็นอิหม่ามอยู่ระยะเวลาสั้น ๆ ก็ได้ขอลาออก
ต่อจากนั้นสัปปุรุษมัสยิดคอลิดีนก็ได้พร้อมใจกันมอบอะมานะฮฺการเป็นอิหม่ามให้กับครูอรุณ นุชมี ซึ่งในขณะรับตำแหน่งนั้นท่านรับราชการเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโรงเรียนนาหลวง
เป็นอิหม่ามคนที่ 4 ในช่วงการเป็นอิหม่ามของท่านได้ก่อสร้างอาคารมัสยิดหลังใหม่ขึ้นเป็นอาคาร
2 ชั้น ในปีพุทธศักราช 2540 ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวฮัจยะฮฺซะอาดะห์ แม้นมินทร์
และฮัจยะห์ฮาลีมะห์ แม้นมินทร์ หลานสาวของตวนฮัจยีวาฮับ
ได้บริจาคที่ดินให้มัสยิดเพิ่มเติมอีกประมาณ 1 งาน
เมื่ออิหม่ามอรุณ นุชมี เสียชีวิตลงในปีพุทธศักราช 2554 นายอดิศักดิ์ (อับดุรร๊อซซ๊าก) นุชมี
ซึ่งเป็นบุตรชายของอิหม่ามอรุณได้รับการคัดสรรจากสัปปุรุษให้ทำหน้าที่อิหม่าม
ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2555 จนถึงปัจจุบัน
รายละเอียดอื่นๆ
ประวัติความเป็นมาของโรงเรียนคอลิดีนั้ลอิสลามียะห์
(ศูนย์อบรมศาสนาอิสลามและจริยธรรมประจำมัสยิดคอลิดีน)
ในอดีตที่ผ่านมาได้มีการจัดการเรียนการสอนอัลกุรอานและศาสนาอิสลามมาตั้งแต่ก่อตั้งมัสยิดคอลิดีนหลังแรก
โดยจัดการเรียนการสอนกันภายในอาคารมัสยิด มีอิหม่ามนุช หรือยูนุส ภูมิดำรง เป็นครูผู้สอน
หลังจากนั้นก็มีฮัจยีอาลี เลี่ยมทอง ซึ่งเป็นบิหลั่นมัสยิดคอลิดีนเป็นผู้สอน
สัปปุรุษมัสยิดคอลิดีนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาอัลกุรอานและวิชาการด้านฟัรฎูอีนซึ่งเป็นพันธกิจที่ทุกคนจะต้องเรียนรู้
ดังนั้นมัสยิดคอลิดีนจึงได้ร่วมมือร่วมใจกันสร้างโรงเรียนขึ้นหลังหนึ่ง
เป็นอาคารไม้ชั้นเดียว พื้นยกสูง เมื่อปีพุทธศักราช 2517 หรือเมื่อประมาณ 40 กว่าปีที่ผ่านมา
โดยตั้งชื่อโรงเรียนให้สอดคล้องกับมัสยิดว่า “คอลิดีนั้ลอิสลามียะห์” เพื่อจัดการเรียนการสอนให้แก่บุตรหลานทั้งภายในและภายนอกชุมชนมัสยิด โดยได้รับการบริจาคไม้บางส่วนจากฮัจยีฮะห์
บุญมา และเงินบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาในชุมชน
โรงเรียนคอลิดีนั้ลอิสลามียะห์เปิดให้มีการเรียนการสอนตามหลักสูตรของสมาคมคุรุสัมพันธ์
โดยครูประยูร แสงวิมาน หรือที่รู้จักกันในนาม “ครูสมหวัง” เป็นครูคนแรก หลังจากนั้นอิหม่ามอรุณ
นุชมีและคณะกรรมการมัสยิดได้ขอจดทะเบียนโรงเรียนคอลิดีนั้ลอิสลามียะห์เป็นศูนย์อบรมศาสนาอิสลามและจริยธรรมประจำมัสยิดคอลิดีน
ในปีพุทธศักราช 2544 ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะได้รับเงินอุดหนุนจากทางราชการ
40 กว่าปีที่ผ่านมา อาคารเรียนมีสภาพชำรุดทรุดโทรมจนยากต่อการซ่อมแซมและทำนุบำรุง
ประกอบกับโรงเรียนมีจำนวนนักเรียนเพิ่มมากขึ้นทุกปี
ด้วยเหตุผลและความจำเป็นดังกล่าว คณะกรรมการมัสยิดคอลิดีนและสัปปุรุษ
จึงเห็นพ้องต้องกันว่า ควรสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ขึ้น โดยได้ทำการวางศิลารากฐานเริ่มทำการก่อสร้างเมื่อวันที่
1 ธันวาคม 2550
และได้ดำเนินการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผู้บริหารโรงเรียนคอลิดีนั้ลอิสลามียะห์จากในอดีตจนถึงปัจจุบันประกอบด้วย
ครูประยูร (สมหวัง) แสงวิมาน อาจารย์อับดุลศอมัด บุญมา อาจารย์มานาฟ ดาราฉาย
อาจารย์อดิศักดิ์ นุชมี และครูสมชาย(รอฟิก)
โพธิ์ดำ ดำรงตำแหน่งครูใหญ่คนปัจจุบัน โดยปัจจุบันมีครูผู้สอน
จำนวน 5 คน คือครูอารักษ์(ซอและห์) ซาและทิม ครูยะฮฺยา ชินายศ
ครูวัรดะห์ โพธิ์ดำ ครูมุมีนะห์ โพธิ์ดำ มีนักเรียนทั้งชายและหญิงจำนวนประมาณ
150 คน โดยได้รับการอุดหนุนจากกรมการศาสนาปีละประมาณหนึ่งหมื่นหกพันบาท
ข้อมูลสัปปุรุษประจำ มัสยิดคอลิดีน
ปัจจุบันมีสัปปุรุษทั้งหมด 312 ครอบครัว จำนวน 1,383 คน ประกอบด้วย
สัปปุรุษทั้งหมดทุกช่วงอายุ | |
- เพศชาย | 648 คน |
- เพศหญิง | 735 คน |
- รวม | 1,383 คน |
สัปปุรุษอายุต่ำกว่า 15 ปี | |
- เพศชาย | 55 คน |
- เพศหญิง | 59 คน |
- รวม | 114 คน |
สัปปุรุษอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป | |
- เพศชาย | 593 คน |
- เพศหญิง | 676 คน |
- รวม | 1,269 คน |
สัปปุรุษอายุตั้งแต่ 15 - 59 ปี | |
- เพศชาย | 459 คน |
- เพศหญิง | 493 คน |
- รวม | 952 คน |
สัปปุรุษอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป | |
- เพศชาย | 134 คน |
- เพศหญิง | 183 คน |
- รวม | 317 คน |
ข้อมูลติดต่อ มัสยิดคอลิดีน
โทรศัพท์ | - |
โทรสาร | - |
มือถือ | 086-780-6041 |
อีเมล | - |
เว็บไซต์ | - |
https://www.facebook.com/kholideen/ | |
- | |
Youtube | - |
ข้อมูล สถานที่แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว มัสยิดคอลิดีน
ข้อมูล สถานที่แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว
สถานที่ตั้งอยู่บนถนนประชาอุทิศใกล้กับแยกนาหลวง ซึ่งถนนประชาอุทิศนี้เป็นถนนที่แยกมาจากถนนสุขสวัสดิ์ที่ เขตราษฎร์บูรณะ
กรุงเทพมหานคร
ตัดผ่านทางพิเศษเฉลิมมหานครผ่านมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี แยกนาหลวง
วัดทุ่งครุ ไปบรรจบกับถนนเลียบคลองสรรพสามิตที่ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
จะเห็นว่าถนนเส้นนี้เชื่อมระหว่างกรุงเทพฯและสมุทรปราการ นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อกับถนนได้อีกหลายสาย
ทั้งถนนพระราม 2 พุทธบูชา สุขสวัสดิ์ พระราม 3 ถนนวงแหวนอุตสาหกรรม
สถานที่แนะนำ
-
ศูนย์วัฒนธรรม
อิสลามวิทยาลัยแห่งประเทศไทย
-
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
-
สวนธนบุรี
-
ศูนย์เยาวชนเฉลิมพระเกียรติ
-
ตลาดใหม่ทุ่งครุ
ประชาอุทิศ61
-
ตลาดน้ำคลองขุดเจ้าเมือง
-
ตลาดน้ำคลองบางมด
(ตลาดมดตะนอย)