จากดินแดนเปอร์เซียสู่อ้อมกอดชาวสยาม
เส้นทางแห่งอารยธรรม 2 แผ่นดิน
นับจากอดีตจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา
400 กว่าปีแล้ว ที่เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างสองประชาชาติที่เป็นต้นกำเนิด
ของอารยธรรม วัฒนธรรมประเพณีอันเก่าแก่ล้ำค่าที่ร้อยเรียงเรื่องราวแห่งมิตรภาพ
ความจงรักภักดี ความรัก ความซื่อสัตย์ ที่มี
ต่อกันไว้ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้และสานต่อ
ซึ่งความสัมพันธ์นี้ได้สร้างความแข็งแกร่งความเป็นปึกแผ่นให้กับแผ่นดินเกิดของ
พวกเขาและยังเป็นตัวประสานให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องความเชื่อทางศาสนาที่มีความคล้ายคลึงสอดคล้องกันของศาสนาอิสลามกับศาสนาพุทธ
ทำให้เกิดความสามัคคีความเสมอภาคและอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข
พึ่งพาอาศัยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ดั่งเช่นพี่น้อง
ดังนั้นความแตกต่างทางเชื้อชาติและความเชื่อทางศาสนาจึงไม่สามารถทำให้เกิดช่องว่างระหว่างความสัมพันธ์
อันแน่นแฟ้นของพวกเขาได้
สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงเครื่องกำหนดวิถีชีวิตของคนในชุมชนเพื่อที่จะดำเนินชีวิตให้ถูกต้องตามบัญญัติของศาสนาเท่านั้น
นักประวัติศาสตร์ได้บันทึกเรื่องราวของความสัมพันธ์ระหว่างชาวเปอร์เซียและชาวสยามไว้อย่างมากมาย
หลากหลายมิติ เช่น มิติทางสังคม วัฒนธรรมประเพณี พิธีกรรม ฯลฯ
มิติเชิงสัญลักษณ์นี้เองที่ทำให้เกิดเป็นอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของแต่ละชนชาติ
แสดงออกถึงอารยธรรมอันเก่าแก่ที่สืบต่อกันมาจากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่ง
เสมือนหนังสือประวัติศาสตร์เล่มใหญ่ สำหรับการเรียนรู้
และได้เป็นแม่แบบในการดำเนินชีวิตโดยมีบรรพบุรุษ ชนรุ่นก่อนเป็นครู เราชนรุ่นหลังเป็นนักเรียน
ผู้เรียนรู้ที่นำเอาประสบการณ์ของท่านเหล่านั้นมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิต
ซึ่งในปัจจุบันนี้มีการให้ความสำคัญอย่างมากต่อการศึกษาประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ของแต่ละชนชาติ
เพื่อหาประวัติความสัมพันธ์ ความเชื่อมโยงกันในแต่ละด้าน
ถึงแม้จะมีวิถีชีวิตอยู่บนความหลากหลาย
แต่ก็ยังคงได้มีการอนุรักษ์อัตลักษณ์อันโดดเด่นของตนเองที่มีมาตั้งแต่อดีตนี้ให้คงอยู่ให้เห็นได้ในปัจจุบัน
ในประเทศไทย
เมื่อพูดถึงชาวมุสลิมคนส่วนใหญ่มักนึกถึงชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ทางภาคใต้ของประเทศไทยซึ่งเป็น
มุสลิมส่วนใหญ่
แต่ก็ยังมีมุสลิมอีกจำนวนมากที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ
ในส่วนของบรรพบุรุษของมุสลิมใน ประเทศไทยนั้นมีที่มาที่หลากหลาย เช่น
มุสลิมจากอาหรับ มุสลิมจากเปอร์เซีย มุสลิมจากชวา มุสลิมจากจาม-เขมร
มุสลิมจากเอเชียใต้(อินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศ อัฟกานิสถาน)
และมุสลิมจีนที่ส่วนใหญ่อยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย เป็นต้นชาวมุสลิมมีความเชื่อ
ความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียว คือพระอัลลอฮ์
มีท่านมูฮัมหมัด(ศ็อลฯ)เป็นพระศาสดาองค์สุดท้าย มีคัมภีร์อัลกุรอ่านเป็นพระบัญญัติสูงสุด
นี่คือหลักศรัทธาของศาสนาอิสลาม และยังมีการแบ่งเป็นนิกายต่างๆ
ซึ่งแต่ละนิกายก็จะมีหลักปฏิบัติเฉพาะของตนเอง
แต่ทุกนิกายนั้นมีความเชื่อมโยงสอดคล้องกัน
ในสังคมไทยจะรู้จักนิกายซุนหนี่และนิกายชีอะห์ เสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งทั้งสองนิกายนี้มีผู้ศรัทธาอยู่ทั่วโลก
โดยจะยกตัวอย่างให้เห็นเด่นชัดก็คือ
ประเทศอินโดนีเซียมีประชากรมุสลิมนิกายซุนหนี่มากที่สุด
และประเทศอิหร่านมีประชากรมุสลิมนิกายชีอะห์มากที่สุด
นี่คือข้อมูลโดยรวมของบรรพบุรุษและนิกายหลักของศาสนาอิสลามที่มีในประเทศไทย
ต่อจากนี้จะขอพูดถึงมุสลิมนิกายชีอะห์ในประเทศไทยว่ามีประวัติความเป็นอย่างไร
มีลักษณะเด่น(อัตลักษณ์)อย่างไร
โดยอ้างอิงจากเอกสารทางประวัติศาสตร์และข้อมูลความรู้
ประสบการณ์ที่ถูกถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น