มัสยิดกุฎีหลวง (กุฎีเจ้าเซ็น)
มัสยิดกุฎีหลวง (กุฎีเจ้าเซ็น)
ทะเบียนเลขที่ | ธ.4 | วันที่จดทะเบียน | 24 สิงหาคม 2492 |
บ้านเลขที่ | 1000 | หมู่ที่ | - |
หมู่บ้าน/ชุมชน | - | ซอย | พรานนก 11 |
ถนน | พรานนก | แขวง | บ้านช่างหล่อ |
เขต | บางกอกน้อย | จังหวัด | กรุงเทพมหานคร |
รหัสไปรษณีย์ | 10700 | เขตรับผิดชอบ | มัสยิดเขต 6 |
-
ลำดับพระยาจุฬาราชมนตรีแห่งแผ่นดินสยาม
ลำดับพระยาจุฬาราชมนตรีแห่งแผ่นดินสยาม กรุงศรีอยุธยา 1. เจ้าพระยาบวรราชนายก (เฉก อะห์หมัด) ดำรงตำแหน่ง จุฬาราชมนตรีในรัชสมัยแผ่นดินพระเจ้าทรงธรรม (พ.ศ.2145 - 2170) และต่อมาถึงรัชสมัยพระเจ้าปราสาททอง (พ.ศ.2173-2198) 2. พระยาจุฬาราชมนตรี (แก้ว) เป็นหลานตาของเจ้าพระยาบวรราชนายก ดำรงตำแหน่งจุฬาราชมนตรี ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ ... อ่านต่อเพิ่มเติม » -
บทบาทของมุสลิมชีอะห์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
-
จากดินแดนเปอร์เซียสู่อ้อมกอดชาวสยาม เส้นทางแห่งอารยธรรม 2 แผ่นดิน
-
กุฎีหลวง หรือกุฎีเจ้าเซ็น : “กะดี” แรกของมุสลิมนิกายชีอะห์ในกรุงรัตนโกสินทร์
-
The Historical Background of Masjid Kudee Luang
ประวัติความเป็นมาของ มัสยิดกุฎีหลวง (กุฎีเจ้าเซ็น)
กุฎีหลวง
หรือกุฎีเจ้าเซ็น : “กะดี” แรกของมุสลิมนิกายชีอะห์ในกรุงรัตนโกสินทร์
ในสมัยรัตนโกสินทร์ราวปี พ.ศ. 2328 หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ 1) โปรดเกล้าฯ ให้ขุนป้องพลขันธ์ (ก้อนแก้ว) ขุนนางในกรุงธนบุรีที่สืบเชื้อสายแต่ออกญาบวรราชนายก(เฉกอหะหมัด) ชาวเปอร์เซียจากกรุงเก่าให้กลับเข้ารับราชการในตำแหน่ง พระยาจุฬาราชมนตรี (ก้อนแก้ว) พร้อมพระราชทานที่ดินให้ตั้งชุมชนและสร้างศาสนสถานของตนขึ้นเป็นครั้งแรกแล้ว พระยาจุฬาราชมนตรี (ก้อนแก้ว) ได้จัดการเกี่ยวกับแบบแผนพิธีกรรมในศาสนาขึ้นอีกครั้งในเวลานั้น ชุมชนแขกเจ้าเซ็น หรือมุสลิมนิกายชีอะห์ เริ่มสร้างศาสนสถานของตนเป็นการถาวรขึ้นทางฝั่ง ตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ 1) โดย พระยาจุฬาราชมนตรี (ก้อนแก้ว) ได้รับพระราชทานที่ดิน ตั้งอยู่ทางฝั่งธนบุรีในระยะแรกเริ่มของกรุงรัตนโกสินทร์ (หลังปี พ.ศ. 2325) และเป็นเวลาที่พระองค์ทรงเริ่มปฏิรูปบ้านเมืองอีกครั้งหลังจากกรุงธนบุรีสิ้นสุดลง โดยนำแบบแผนการปกครองของราชสำนักอยุธยากลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง
การนั้นมีผลให้ข้าราชการขุนนางเดิมครั้งกรุงศรีอยุธยาส่วนหนึ่งมีโอกาสกลับเข้ารับใช้งานราชสำนักอีกครั้งหนึ่ง รวมถึงพระยาจุฬาราชมนตรี (ก้อนแก้ว) ที่เคยรับราชการตั้งแต่ครั้งกรุงเก่าและสืบเนื่องงานต่อมาในกรุงธนบุรี ได้รับความไว้วางพระทัยให้เข้ารับราชการต่อมาในฝ่ายงานพระคลัง ตำแหน่งจุฬาราชมนตรี คุมการค้าฝ่ายกรมท่าขวา อันหมายถึงตำแหน่งจุฬาราชมนตรีคนแรกของกรุงรัตนโกสินทร์ด้วย และเป็นปัจจัยสำคัญที่เอื้อให้ชุมชน “แขกเจ้าเซ็น” หรือมุสลิมนิกายชีอะห์มีความเป็นปึกแผ่นมากขึ้นเป็นลำดับนับแต่ได้รับพระราชทานที่ดินให้สร้างศาสนสถานของตนในนาม กุฎีเจ้าเซ็น เป็นต้นมา
รายละเอียดอื่นๆ
ความสัมพันธ์ที่ยาวนาน 400 กว่าปี ระหว่างแผ่นดินสยามและเปอร์เซีย
เป็นที่มาของการผสมผสานของสองวัฒนธรรม ศิลปวิทยาการ
รวมถึงผู้คนซึ่งหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยมาจนทุกวันนี้ โดยมีจุดเริ่มต้นจาก
ท่านเฉกอะห์หมัด ผู้ซึ่งข้ามพรมแดนมาจากเปอร์เซียมายังแผ่นดินสยาม ผู้มีบทบาทสำคัญทางการค้าและทางราชการแผ่นดิน
จนได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นพระยาจุฬาราชมนตรี เป็นผู้นำประชาชนชาวมุสลิมทั้งหลาย
และเป็นต้นตระกูลของหลายสกุลที่ยังสืบทอดมาจนทุกถึงปัจจุบัน เรื่องราวข้างต้นนี้เป็นเพียงเศษส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับมุสลิมชีอะห์ในประเทศไทย
ที่ซึ่งยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่ยังไม่ได้นำมากล่าวไว้ในที่นี้ ดังเช่นในเรื่องของพิธีกรรมมะหะหร่ำ
หรือ มุฮัรรอม ที่เป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ที่ท่านอิหม่ามฮูเซน ครอบครัวของท่าน และผู้ติดตามการถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมโดยผู้นำที่อธรรมในสมัยนั้นที่เมืองกัรบะลา
ประเทศอิรัก มุสลิมชีอะห์ได้จึงทำการจัดพิธีกรรมรำลึกนี้ขึ้นในเดือนมุฮัรรอมเป็นประจำทุกๆปี
และนี่คือหนึ่งในอีกหลายสิ่งที่เป็นอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของมุสลิมชีอะห์ ซึ่งก็ยังคงอนุรักษณ์ไว้และปฏิบัติสืบต่อกันมามิมีวันลืมเลือนหรือจากหายไปจากสังคมได้เลย
ข้อมูลสัปปุรุษประจำ มัสยิดกุฎีหลวง (กุฎีเจ้าเซ็น)
ปัจจุบันมีสัปปุรุษทั้งหมด 135 ครอบครัว จำนวน 393 คน ประกอบด้วย
สัปปุรุษทั้งหมดทุกช่วงอายุ | |
- เพศชาย | 169 คน |
- เพศหญิง | 224 คน |
- รวม | 393 คน |
สัปปุรุษอายุต่ำกว่า 15 ปี | |
- เพศชาย | 15 คน |
- เพศหญิง | 30 คน |
- รวม | 45 คน |
สัปปุรุษอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป | |
- เพศชาย | 154 คน |
- เพศหญิง | 194 คน |
- รวม | 348 คน |
สัปปุรุษอายุตั้งแต่ 15 - 59 ปี | |
- เพศชาย | 120 คน |
- เพศหญิง | 135 คน |
- รวม | 255 คน |
สัปปุรุษอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป | |
- เพศชาย | 34 คน |
- เพศหญิง | 59 คน |
- รวม | 93 คน |
ข้อมูลติดต่อ มัสยิดกุฎีหลวง (กุฎีเจ้าเซ็น)
โทรศัพท์ | 02-418-2078 |
โทรสาร | 02-866-0395 |
มือถือ | 086-547-4661 |
อีเมล | stine.imame@gmail.com |
เว็บไซต์ | - |
https://www.facebook.com/MasjidKudeeluang | |
- | |
Youtube | - |
ข้อมูล สถานที่แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว มัสยิดกุฎีหลวง (กุฎีเจ้าเซ็น)
ข้อมูล สถานที่แนะนำ สถานที่ท่องเที่ยว
กุฎีเจ้าเซ็น ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาเหนือวัดอรุณฯ บริเวณปากคลองมอญแห่งนี้ ถูกเรียกขานกันในหลายชื่อ เช่น กุฎีหลวง กุฎีปากคลองมอญ กุฎีเจ้าเซ็น และกุฎีบน หรือบางครั้งยังเรียกอย่างคุ้นเคยว่า “บ้านบน” ก็มี
กุฎีหลวง เป็นการเรียกตามที่ศาสนสถานดังกล่าวสร้างบนที่ดินที่ได้รับพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ 1) ส่วนที่เรียกว่า กุฎีปากคลองมอญ ถูกเรียกจากทำเลที่ตั้งที่อยู่บริเวณปากคลองมอญ โดยหันหน้าประชิดติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นสำคัญ และเรียกว่า กุฎีบน หรือบ้านบน ที่บอกถึงที่ตั้งของกุฎีที่อยู่ตำแหน่งเหนือกุฎีแห่งอื่นที่สร้างต่อมาภายหลัง อย่างไรก็ตาม กุฎีแห่งแรกที่เกิดขึ้นใหม่หลังปี พ.ศ. 2328 เป็นรากฐานสำคัญของการตั้งชุมชนของมุสลิมนิกายชีอะห์ หรือ “แขกเจ้าเซ็น” ในเวลานั้น และสืบต่อมาอีกกว่า 150 ปี จนหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 และในปี พ.ศ. 2486 จากการที่รัฐบาลสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้เวนคืนที่ดินของชุมชนแขกเจ้าเซ็นที่กุฎีหลวง โดยย้ายชุมชนไปยังที่ดินที่ทางราชการจัดสรรชดเชยให้ อยู่บนแนวถนนพรานนก (ปัจจุบันอยู่ในแขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย) อยู่อาศัยสืบมาจนถึงปัจจุบัน โดยชุมชนได้ปฎิสังขรณ์ศาสนสถานหลังใหม่ขึ้นทดแทนหลังเดิม ทั้งยังคงรักษารากเหง้าทางประวัติศาสตร์ รวมถึงเอกลักษณ์ในความเป็นมุสลิมนิกายชีอะห์ ที่ดำรงอยู่ในประเทศไทยมาอย่างยาวนานสืบไป